การจัดฟัน
การจัดฟัน เป็นแขนงหนึ่งทางงานทันตกรรมที่มุ่งเน้นในเรื่องของการจัดเรียงฟันที่ไม่อยู่ในแนวที่ดี ให้เรียงตัวกันอย่างสวยงามขึ้น โดยการใส่เครื่องมือจัดฟันชนิดต่างๆ เข้าไปในช่องปาก ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาการสบฟันของแต่ละบุคคล ซึ่งการจัดฟันไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของแฟชั่นที่วัยรุ่นนิยมกันเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ฟันทำหน้าที่บดเคียวอาหารได้ดีขึ้น ทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น และในบางรายยังช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้าอีกด้วย
ปัญหาของฟันที่จำเป็นต้องได้รับการจัดฟัน
โครงสร้างของฟันแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม โครงสร้างกระดูกขากรรไกร และการดูแลฟันในระยะฟันน้ำนมด้วย แต่เมื่อฟันเรียงตัวกันไม่สวยงาม ก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการ จัดฟัน แต่ฟันแบบไหนบ้างที่เรียกว่า ฟันที่มีปัญหาและควรได้รับการจัดฟัน
- ฟันยื่น คือ ฟันบนหน้าที่ยื่นออกมามากกว่าปกติ
- ฟันกัดคร่อม คือ ฟันบนที่หุบเข้าไปด้านใน จนไม่สามารถขบได้พอดีกับฟันล่าง
- ฟันสบเปิด ฟัน ฟันที่เมื่อขบฟันเข้าหากันจะมีช่องว่างระหว่างฟันบนและฟันล่าง ทำให้กัดอาหารไม่ขาด
- ฟันสบลึก คือ ฟันหน้าที่ลงมาต่ำมาก จนแทบจะปิดฟันล่างเกือบทั้งหมด
- ฟันกัดเบี้ยว คือ ฟันที่มีจุดศูนย์กลางของฟันบนกับฟันล่างที่ไม่ตรงกัน
- ฟันห่าง คือ ฟันที่มีช่องว่างระหว่างฟัน และมีพื้นที่ว่างบริเวณเหงือก
- ฟันซ้อนเก คือ ฟันที่ขึ้นมามากเกินไปจนเกทับกัน ไม่เรียงกันตามแนวของเหงือก มีทั้งแบบที่ซ้อนออกมาด้านนอกหรือว่าด้านใน
ชนิดของการจัดฟัน
การจัดฟันสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัญหาการสบฟัน และความต้องการของคนไข้เองด้วยว่าอยากให้เห็นเหล็กจัดฟัน หรือไม่เห็นเหล็กจัดฟัน โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้
• การจัดฟันชนิดถอดได้ ซึ่งเป็นการจัดฟันที่จะมีราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบติดแน่น เพราะมีความสะดวกสบายมากกว่า สามารถถอดเครื่องมือออกมาทำความสะอาดได้ ช่วยให้คนไข้รับประทานอาหารได้อย่างเป็นปกติ เพราะสามารถถอดออกก่อนรับประทานอาหาร แต่มีข้อเสียที่จัดฟันประเภทนี้ต้องได้รับความรวมมือจากคนไข้มากเป็นพิเศษ เพราะเครื่องมือสามารถถอดเองได้ง่ายๆ จึงทำให้ผลการจัดฟันอาจคลาดเคลื่อนได้มากกว่าการจัดฟันแบบติดแน่นหรืออาจใช้เวลามากกว่าปกติ
• การจัดฟันแบบติดแน่น เป็นการจัดฟันแบบดั่งเดิมที่เราเห็นได้บ่อย โดยจะติดเครื่องมือจัดฟันที่เป็นลวดจะถูกติดลงบนฟัน โดยจะยึดไว้กับฟันกราม ซึ่งคนไข้ไม่สามารถเอาเครื่องมือออกเองได้ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้
- เครื่องมือจัดฟันด้านนอก โดยเครื่องมือจะถูกติดไว้ที่ผิวด้านหน้าตัวฟัน มองจากภายนอกเห็นได้ชัดเจน ซึ่งแบ่งได้เป็นอีก 2 ชนิดคือ ชนิดที่เป็นสีโลหะ และชนิดสีใสหรือสีเหมือนฟัน
- เครื่องมือจัดฟันด้านใน เป็นการติดเครื่องมือจัดฟันไว้ด้านหลังของฟัน คนภายนอกจะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ว่ากำลังจัดฟันอยู่ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดฟัน แต่ไม่อยากเสียบุคลิกภาพ แถมเครื่องมือการจัดฟันที่อยู่ด้านหลังจะไม่ไปทำลายเคลือบฟันด้านหน้าด้วย แต่ข้อเสียของการจัดฟันชนิดนี้คือ ในระยะ 1 เดือนแรก จะเป็นระยะการปรับตัวกับเครื่องมือจัดฟันที่อยู่ในปากเพราะลิ้นของคุณอาจจะระคายเคือง และด้วยความซับซ้อนของกระบวนการติดเครื่องมือในปาก จึงทำให้การจัดฟันแบบด้านในมีราคาที่แพงกว่าแบบอื่นๆ
- ช่วยแก้ปัญหาในการบดเคี้ยว เพราะสำหรับผู้ที่ฟันสบกันได้ไม่ดีพอ ประสิทธิภาพในการบดเคียวอาหารจะลดลง บางกรณีจะไม่สามารถกัดอาหารให้ขาดได้ด้วยฟันหน้า
- ปรับเปลี่ยนโครงสร้างของรูปหน้า ทำให้ใบหน้าสวยงามขึ้นได้ในบางกรณี เพราะการเรียงตัวของฟันที่สวยงามจะช่วยปรับเปลี่ยนลักษณะการยิ้มได้เป็นอย่างดีและหน้าอาจจะดูเรียวขึ้นเพราะมีการขยับของขากรรไกรและฟันที่หุบเข้าไป
- แก้ปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ไม่ดี ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดขากรรไกร การบาดเจ็บที่เหงือก และเสี่ยงให้เกิดอาการฟันผุ เหงือกอักเสบได้ง่าย
- ช่วยให้ทำความสะอาดช่องปากได้ดีขึ้น ในรายที่ฟันซ้อนจนการความสะอาดเป็นไปได้ยาก เมื่อจัดฟันแล้วจะทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ
- ช่วยสร้างความมั่นใจ สร้างบุคลิกภาพที่ดีให้แก่ผู้ทำได้
- ทำให้คนไข้มีระเบียบวินัยในการดูแลช่องปาก เพราะการจัดฟันต้องดูแลช่องปากดีเป็นพิเศษทำให้กลายเป็นนิสัยติดตัว หลักจากถอดเหล็กจัดฟันแล้วหลายคนก็ยังดูแลช่องปากเหมือนตอนที่จัดฟันอยู่
สำหรับใครที่กำลังคิดว่ามีปัญหาการสบฟัน หรือการเรียงตัวของฟันที่ไม่สมบูรณ์ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยทันตแพทย์ เพื่อหาแนวทางการจัดฟันที่เหมาะสบกับคุณ และเพื่อให้ปัญหาการสบฟันไม่ลุกล่ามไปมากกว่าเดิมด้วย
หากท่านที่อยู่ในพัทยา สนใจที่จะจัดฟัน และกำลังมองหา คลินิกจัดฟันพัทยา – คลินิกทันตกรรมพัทยาสไมล์ ยินดีให้คำปรึกษา เรามี คุณหมอจัดฟัน มากประสบการณ์และมีชื่อเสียงทางด้านการจัดฟันเฉพาะทาง ที่พร้อมให้บริการ ปรึกษาและดูแลท่าน อีกทั้งเรายังมีแพ็คเกจ และ โปรโมชั่นจัดฟัน สุดพิเศษสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 038724145
เคสตัวอย่าง ก่อนและหลัง จัดฟัน
คนไข้ของเรา
โปรโมชั่นจัดฟัน จัดฟันติดเครื่องมือ 1000 –
– พร้อมรับ ฟรี 9 รายการ
– เคลียร์ช่องปากลดเพิ่มอีก 10%
– นัดปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาจัดฟัน (ปรึกษาฟรีนะคะ
รายละเอียดการชำระค่ารักษาสำหรับโปรโมชั่นจัดฟัน
.
ครั้งที่ 1
– ปรึกษาจัดฟันกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน (ฟรี)
– หากตัดสินใจจัดฟัน จะต้องทำการ พิมพ์ฟัน เอ็กซเรย์ และถ่ายรูปสำหรับวางแผนการจัดฟัน
– มีค่าใช้จ่าย 1,000.-
.
ครั้งที่ 2 เคลียร์ช่องปาก
– ค่าใช้จ่ายไม่รวมกับโปรโมชั่นจัดฟัน ซึ่งการเคลียร์ช่องปากมากหรือน้อย ขึ้นกับปัญหาสุขภาพฟันของแต่ละบุคคล
– สามารถทำพร้อมกับการปรึกษาจัดฟันในวันแรกได้เลย
.
เมื่อติดเครื่องมือ
– สามารถเลือกผ่อนชำระได้ 3 แบบ ได้แก่
– ผ่อนจ่าย 2 เดือนแรก เดือนละ 5,000 บาท
– ผ่อนจ่าย 3 เดือนแรก เดือนละ 4,000 บาท
– ผ่อนจ่าย 4 เดือนแรก เดือนละ 3,000 บาท
.
ครั้งถัดๆไป
– มีค่าใช้จ่ายในการปรับเครื่องมือ เดือนละ 1,500-
– ชำระจนครบค่ารักษาตามที่ทันตแพทย์ได้คุยไว้
– แนะนำให้ขูดหินปูน และเคลือบฟลูออไรด์ ทุก 6 เดือนในขณะจัดฟัน
.
เมื่อจัดฟันเสร็จ
– พิมพ์ฟัน เพื่อทำ รีเทนเนอร์ สำหรับฟันบน และฟันล่าง เป็นการคงสภาพฟันภายหลังจัดฟัน
– ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
.
➡️➡️➡️➡️➡️➡️➡️➡️➡️➡️➡️➡️
.
จัดฟันโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง
แรกเข้าเพียง 1,000* บาท
แถมฟรี 9* รายการ ปรึกษาทันตแพทย์ฟรี!
.
ค้นหาสาขาใกล้บ้าน
http://bit.ly/35LXGCQ
.
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือติดต่อสอบถาม
m.me/PattayaSmiledentalclinic
.
รายการฟรีค่าบริการจากโปรโมชั่น
————————-
➡️ ฟรี พิมพ์ปาก เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษา
➡️ ฟรี เอ็กซเรย์ เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษา
➡️ ฟรี ถ่ายรูป เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษา
➡️ ฟรี ตรวจฟันทั้งปาก เพื่อวางแผนการรักษา
➡️ ฟรี ขูดหินปูน 900 (ใช้สิทธิประกันสังคม)
➡️ ฟรี เอกซเรย์เช็คฟันผุ ก่อนติดเครื่องมือจัดฟัน
➡️ ฟรี เคลือบฟลูออไรด์ (4 ครั้งหลังขูดหินปูนในช่วงจัดฟัน)
➡️ ฟรี รีเทนเนอร์ (1 คู่)
➡️ ฟรี ปรับรีเทนเนอร์
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามรายละเอียดอีกครั้ง